Skip to main content

ติดตั้งกล้องวงจรปิดหน้าฝน: เตรียมตัวอย่างไรให้กล้องทนทาน ปลอดภัย ใช้งานได้ยาวนาน

ฤดูฝนในประเทศไทยมาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำ แต่ก็แฝงไปด้วยความท้าทายสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งอยู่นอกอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กล้องวงจรปิด” (CCTV) ที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ท่ามกลางสายฝน ความชื้น และความเสี่ยงจากพายุฟ้าคะนอง

การติดตั้งกล้องวงจรปิดในช่วงหน้าฝนหรือการเตรียมความพร้อมสำหรับระบบเดิมที่มีอยู่ จึงไม่ใช่แค่การเลือกตำแหน่งแล้วติดตั้ง แต่ต้องใส่ใจในรายละเอียดมากกว่าที่เคย เพื่อป้องกันความเสียหาย ยืดอายุการใช้งาน และให้ระบบรักษาความปลอดภัยของคุณทำงานได้อย่างไม่มีสะดุด บทความนี้จะมาแนะนำข้อควรระวังและเคล็ดลับสำคัญที่ต้องรู้

1. เลือกอุปกรณ์ที่ “ใช่” ทนทานต่อสภาพอากาศ (Weather-Resistant)

หัวใจสำคัญที่สุดคือการเลือกกล้องและอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่องานภายนอกโดยเฉพาะ สังเกตจากมาตรฐานเหล่านี้:

  • มาตรฐานการป้องกัน IP (Ingress Protection Rating): นี่คือตัวเลขที่บ่งบอกความสามารถในการป้องกันฝุ่นและน้ำของอุปกรณ์
    • IP66: สามารถป้องกันฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์ และทนทานต่อการฉีดน้ำแรงดันสูงได้จากทุกทิศทาง เหมาะสำหรับพื้นที่ที่อาจโดนฝนสาดโดยตรง
    • IP67: สามารถป้องกันฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถจมน้ำได้ลึกถึง 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที เหมาะสำหรับพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังหรือจุดที่อาจมีน้ำแฉะตลอดเวลา
    • คำแนะนำ: สำหรับการติดตั้งภายนอกในประเทศไทย ควรเลือกกล้องที่มีมาตรฐาน อย่างน้อย IP66 ขึ้นไป
  • วัสดุของตัวกล้อง (Housing): ตัวกล้องที่ทำจากโลหะ (Metal) จะมีความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกและสภาพอากาศได้ดีกว่าพลาสติก (Plastic) ในระยะยาว

 

2. การเดินสายและเก็บงานต้อง “มิดชิด”

สายสัญญาณและสายไฟคือเส้นเลือดของระบบกล้องวงจรปิด หากเสียหายก็เหมือนระบบเป็นอัมพาต

  • ใช้ท่อร้อยสาย (Conduit): ห้ามเดินสายเปลือยเด็ดขาด! ควรเดินสายทั้งหมดผ่านท่อร้อยสายไฟ เช่น ท่อ PVC สีขาวหรือสีเหลือง เพื่อป้องกันสายจากน้ำ ความชื้น แสงแดด และสัตว์กัดแทะ
  • ใช้กล่องกันน้ำ (Waterproof Junction Box): ทุกจุดเชื่อมต่อสาย ไม่ว่าจะเป็นจุดต่อสายไฟหรือสายสัญญาณ LAN/BNC จะต้องเก็บไว้ใน “กล่องกันน้ำ” ที่ได้มาตรฐานเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและความชื้นเข้าไปทำลายจุดเชื่อมต่อ
  • การซีลรอยต่อ: ใช้ซิลิโคนกันน้ำหรือเทปกันน้ำพันบริเวณจุดที่สายไฟเข้ากล่องหรือเข้าตัวกล้องให้แน่นหนา เพื่อปิดช่องว่างที่น้ำอาจซึมเข้าไปได้

 

3. ตำแหน่งติดตั้ง “ได้เปรียบ”

การเลือกตำแหน่งติดตั้งที่ดีจะช่วยลดภาระของอุปกรณ์ได้มาก

  • ติดตั้งใต้ชายคาหรือที่กำบัง: หากเป็นไปได้ ควรเลือกตำแหน่งติดตั้งที่อยู่ใต้ชายคา ระเบียง หรือกันสาด เพื่อลดการปะทะกับสายฝนและแสงแดดโดยตรง
  • หลีกเลี่ยงแอ่งน้ำ: ไม่ควรติดตั้งกล้องในตำแหน่งที่น้ำฝนไหลผ่านหรือเป็นแอ่งน้ำขัง เพราะความชื้นที่ระเหยขึ้นมาตลอดเวลาจะส่งผลเสียในระยะยาว
  • เทคนิค Drip Loop: ขณะเดินสายเข้าตัวกล้องหรือกล่องพักสาย ควรจัดสายให้มีลักษณะ โค้งงอลงเล็กน้อย ก่อนเข้าตัวอุปกรณ์ เทคนิคนี้เรียกว่า “Drip Loop” จะช่วยให้น้ำที่เกาะอยู่บนสายไหลหยดลงพื้นไปตามแรงโน้มถ่วง แทนที่จะไหลย้อนเข้าสู่จุดเชื่อมต่อ

 

4. ป้องกันฟ้าผ่าและไฟกระชาก (Surge Protection)

พายุฝนฟ้าคะนองคือศัตรูตัวฉกาจของเครื่องใช้ไฟฟ้า การลงทุนกับอุปกรณ์ป้องกันจึงคุ้มค่ากว่าการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ทั้งระบบ

  • ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก (Surge Protector): ควรติดตั้ง Surge Protector ที่ระบบจ่ายไฟของเครื่องบันทึก (DVR/NVR) และที่ตัวกล้อง (หากเป็นไปได้) เพื่อป้องกันความเสียหายจากแรงดันไฟฟ้าที่สูงขึ้นฉับพลันจากฟ้าผ่าในบริเวณใกล้เคียง
  • ระบบสายดิน (Grounding): ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบไฟฟ้าของบ้านหรืออาคารมี การติดตั้งสายดินที่ถูกต้องตามมาตรฐาน เพราะสายดินคือปราการด่านสำคัญที่จะช่วยนำกระแสไฟฟ้าที่เกินมาลงสู่พื้นดินอย่างปลอดภัย

 

5. การดูแลรักษาหลังติดตั้ง

เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว การบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอก็เป็นสิ่งจำเป็น

  • เช็ดหน้าเลนส์: หลังฝนตกหนัก มักมีคราบน้ำหรือฝุ่นเกาะที่หน้าเลนส์ ทำให้ภาพมัวหรือเป็นฝ้า ควรใช้ผ้านุ่มสะอาดเช็ดทำความสะอาด เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดอยู่เสมอ
  • ตรวจสอบฝ้าภายใน: สังเกตว่ามีฝ้าหรือไอน้ำเกาะอยู่ “ภายใน” เลนส์หรือไม่ หากมี แสดงว่าซีลยางกันน้ำอาจเริ่มเสื่อมสภาพหรือมีรอยรั่ว ควรรีบติดต่อช่างผู้ชำนาญเพื่อทำการแก้ไข
  • ตรวจสอบสายและข้อต่อ: อย่างน้อยปีละครั้ง ควรตรวจสอบสภาพของสายสัญญาณ ท่อร้อยสาย และจุดเชื่อมต่อต่างๆ ว่ายังคงอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยแตกหรือการรั่วซึม

 

สรุป

การติดตั้งกล้องวงจรปิดในช่วงหน้าฝนต้องอาศัยความพิถีพิถันมากกว่าปกติ การลงทุนเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน IP66 ขึ้นไป, การเก็บงานเดินสายในท่อและกล่องกันน้ำอย่างมิดชิด, การติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม, และการป้องกันระบบจากไฟกระชาก คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าสภาพอากาศจะเลวร้ายเพียงใด และหากคุณไม่มั่นใจ การเลือกใช้บริการจากทีมช่างผู้ชำนาญ ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อความปลอดภัยและความทนทานของระบบในระยะยาว

Leave a Reply

Icon representing a line